29/05/2563

ลายแทงสิมอีสาน┊4┊วัดป่าเลไลย์

ฮูปแต้ม วัดป่าเลไลย์ และสะพานไม้แกดำ

ในความคิดผม (ผู้ซึ่ง เพิ่งมานอนค้างได้แค่คืนเดียว ^^") มหาสารคามเป็นเมืองขนาดกลาง ๆ ไม่เล็ก ไม่ใหญ่ แต่มีคนอยู่เยอะ เต็มไปด้วยร้านบุฟเฟต์หมูกระทะ จิ้มจุ่ม เหมาะสำหรับคนเพื่อนเยอะ พวกมาก อย่างพวกนักศึกษา ... ขนาดโรงแรมที่ผมพักยังให้ความรู้สึกคล้ายนอนหอพักเลย แต่ก็นอนสบายดี

ตื่นเช้ากินมินิบาร์รองท้องแล้วก็ออกเดินทางได้ วันนี้กะจะเที่ยวให้รอบจังหวัดเลย 
(^_^)v

ที่แรกที่แวะเที่ยวคือสะพานไม้แกดำ

คิดว่าเช้า ๆ อากาศดี ฟ้าใส การชมนกดูแมลง แอ็คท่าถ่ายรูปกับสะพานไม้สวยๆ จะช่วยแก้เลี่ยนสิมได้ ... ซึ่งก็จริง เราใช้เวลาเดินไปเดินมาบนสะพานไม้เก่า ๆ ยาว 500 เมตร ชั่วโมงกว่า ... แดดอ่อน ๆ ค่อย ๆ แรงกล้าขึ้น รู้ตัวอีกทีก็ทนเดินไม่ไหวแล้ว ต้องยอมแพ้มุ่งหน้าสู่ บ้านดงบัง อำเภอนาดูน

ที่บ้านดงบังมีวัดที่มีฮูปแต้มอยู่ 2 วัดใกล้กัน ผมเลือกไปวัดป่าเลไลย์ก่อน คิดว่าขากลับสามารถแวะวัดโพธารามได้เลยไม่ต้องวนไปวนมา

ทันทีที่เลี้ยวเข้ามาในวัดป่าเลไลย์ก็เห็นสิมทึบแบบอีสานแท้ ๆ ตั้งอยู่ที่โล่งด้านซ้ายมือ รอบบริเวณมีการจัดภูมิทัศน์ สะอาดเรียบร้อยดี รู้เลยว่ากรมศิลป์ฯมาบูรณะให้ เพราะมันดู 'พิพิธภั้ณฑ์-พิพิธภัณฑ์' ลานรอบสิมปูกระเบื้องดินเผา แถมเว้นช่องว่างก่อนจะถึงตัวสิม ป้องกันไม่ให้โครงสร้างเดิมถูกรบกวน หลังคาทำใหม่แต่มุงด้วยกระเบื้องดินเผาแบบเดียวกับที่ใช้ในอุทยานประวัติศาสตร์ ไม่ใช่สังกะสีหรือแผ่นเมทัลชีทแบบที่ใช้กันทั่วไป ดูดีเข้ากับสิมเก่า ... การบูรณะเป็นระเบียบแบบแผนกว่าสิมที่วัดบ้านลานเมื่อตอนที่แล้วเยอะเลย

สิมวัดป่าเลไลย์
ช่องว่างระหว่าตัวสิมกับระเบียงใหม่
วงกบไม้แกะสลัก
ซุ้มหน้าต่างเป็นช่องแคบๆ น่ารักดี
งูปลอมที่ขื่อเอาไว้ไล่นก แต่ ไม่แน่ใจว่านกกลัวหรือเปล่า? ที่แน่ๆ คนเห็นแล้วสะดุ้ง

ถ้าถามว่าอย่างไหนดีกว่ากัน ก็ตอบแบบฟันธงไม่ได้หรอก ... ให้กรมศิลป์ฯบูรณะก็ดูเรียบร้อยดี แต่ปล่อยให้ชุมชนบูรณะก็เห็นวิถีชีวิตดูสนุกไปอีกแบบ ... สรุป ผมว่ามีหลาย ๆ แบบไว้ก่อนดีกว่า

สมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายก (เพราะอะไรไม่รู้) รัฐบาลมีนโยบายให้วัดทั้งหมดทั่วประเทศ สร้างโบสถ์หรือสิมในรูปแบบเดียวกันให้เลือก 3 แบบ ก, ข และ ค ... หลังจากนั้นก็ไม่มีการสร้างสิมพื้นบ้านอีกเลย ... แห้งแล้งชะมัด

ฮูปแต้มผนังใหญ่เรื่องพระเวสสันดร
พระประทานในสิม
เพิ่งรู้ว่าสมัยก่อนเราขี่จระเข้ไปรบก็ได้?
งูสู้กับพังพอน ดุเดือด
คนป่า ? ผีป่า ? หรือตัวอะไรก็ไม่รู้

กลับมาเรื่องของเราต่อดีกว่า ฮูปแต้มเป็นฝีมือของ นายสิงห์ วงศ์วาด เป็นช่างพื้นบ้านแต่ฝีมือชั้นครู รับเขียนฮูปแต้มให้วัดที่บ้านดงบังทั้ง 2 วัด เริ่มจากวัดโพธารามแล้วมาต่อที่วัดป่าเลไลย์นี้ แต่ยังไม่ทันเขียนเสร็จดีก็มีปัญหากับผู้ว่าจ้างก็เลยเลิกทำ (ผมคิดว่าฮูปแต้มด้านในสิมน่าจะเป็นฝีมือของคนอื่น) ใช้สีครามที่ค่อนไปทางม่วงตัดกับเพื้นสีครีมเปลือกไข่เป็นเอกลักษณ์ ด้านนอกเขียนเรื่อง พระลัก-พระลาม (ฉบับลาว) กับพระเวสสันดรชาดก ส่วนด้านในเขียนเรื่องพุทธประวัติ

ดูเสร็จ ก่อนออกจากวัดเห็นป้ายบอกสถานที่น่าสนใจในชุมชน เช่น ชุมทางกระรอกป่า, ศาลปู่ (จำชื่อไม่ได้) ฯลฯ ... ก็เลยลองขับไปตามป้าย

19/05/2563

ลายแทงสิมอีสาน┊3┊วัดมัชฌิมวิทยาราม

ฮูปแต้ม วัดมัชฌิมวิทยาราม (วัดบ้านลาน)

พวกเราออกจากวัดสนวนวารีฯประมาณบ่าย 3 โมง มีฝนโปรยมาเบา ๆ พอดับร้อน ขับรถเรื่อย ๆ สบาย ๆ มาอีก 20 นาทีก็ถึงจุดหมายสุดท้ายของวันนี้ ‘วัดมัชฌิมวิทยาราม’ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ‘วัดบ้านลาน’ เพราะเป็นวัดประจำตำบลบ้านลาน อำเภอบางไผ่ จังหวัดขอนแก่น

สมชื่อวัดบ้านลาน เมื่อเลี้ยวรถเข้าวัดมา ก็เจอลานซีเมนต์โล่ง กว้างประมาณลานจอดรถห้างสรรพสินค้าทั่วไป ตรงกลางมีสิมหลังย่อมที่มองเผิน ๆ คล้ายศาลาการเปรียญตั้งอยู่ ข้างสิมมีรถเก๋งสีขาวจอดอยู่ ผมจำได้ รถคันนี้เป็นของเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่เจอที่วัดสนวนวารีฯนั่นเอง ... ไอ้เรามัวแต่เอ้อระเหยลอยชายจนมาทีหลัง เข้าไปตอนนี้ก็คงเกะกะรบกวนเขาเปล่าๆ ปล่อยให้หามุมถ่ายรูปกันไปก่อน เราก็ตีซี้หมาวัดรอไป ... ไว้เขาดูเสร็จแล้วค่อยเข้าไปหา RC แบบ Rare Item มาข่มดีกว่า อิ อิ (^_^)v

สิมวัดบ้านลานหลังเล็กพอ ๆ กับสิมวัดสนวนวารีฯ และอาจเป็นฝีมือช่างญวนเหมือนกันด้วย เพราะมีหน้าต่างโค้ง ... ผมเข้าใจว่า สิมหลังนี้ยังคงถูกใช้งาน เพราะได้รับการซ่อมแซมดูแลอย่างดี พื้นปูกระเบื้องใหม่ ข้างในสิมสะอาดสะอ้าน แต่หลังคาใหม่ไม่ค่อยสมส่วน คือนอกจากจะใหญ่เกินตัวแล้วยังต่อปีกนกออกมากว้าง ทำให้ดูเหมือนคนตัวเล็กที่ใส่งอบใบใหญ่มาก ๆ ... ประหลาดขัดตาคนรู้เยอะและยึดติดในรูปแบบศิลปกรรมอย่างผมมาก แต่คงมีประโยชน์ใช้สอยเต็มที่ ... ที่จริงหลังคาใหญ่ ๆ กว้าง ๆ นี่ก็ช่วยกันแดดกันฝนรักษาฮูปแต้มบนผนังได้ดี

ฮูปแต้มมีเฉพาะด้านนอก เป็นเรื่องพระเวสสันดรชาดก (น่าจะเกี่ยวข้องกับประเพณีบุญผะเหวด) วิธีการเขียนมีการลงสีพื้น มีการเกลี่ยไล่สี เหมือนจิตรกรรมฝาผนังภาคกลาง แต่ก็ยังใช้สีโทนครามน้ำเงิน

สิมวัดบ้านลาน
ซุ้มหน้าต่างโค้ง น่าจะได้อิทธิพลมาจากช่างญวน
ผนังด้านนี้เขียนตอนพระนางมัทรีเข้าป่าไปหาผลไม้ พอจะกลับพระอินทร์แปลงเป็นสัตว์ร้ายมาขวางไม่ให้กลับไปทัน พระเวสสันดรประทานกัณหากับชาลีให้ชูชก ... คิดว่าเพราะเป็นตอนที่ซึ้งกินใจ ช่างแต้มเลยวาดเป็นรูปใหญ่ไว้หลังสิม
สี่สาวน่ารักกำลังตักน้ำ
ตอนเชิญพระเวสสันดรกลับเข้าเมือง

ดูสิมเสร็จแล้ว บรรยากาศหลังฝนตกใหม่ ๆ ฟ้าใส ลมพัดเย็นสบาย ชวนให้เดินเล่น ... ด้านหลังวัดมีโรงเก็บของคล้ายโรงรถยาว ๆ ข้างในมีบั้งไฟและหุ่นรูปสัตว์ต่าง ๆ ทำด้วยวัสดุหาง่าย เช่น กระดาษ, ผ้า, กระสอบและสแลนกรองแสง ท่าทางจะใช้ประดับรถแห่บั้งไฟ ... นึกดูว่าลานกว้าง ๆ แบบนี้ถ้ามีขบานแห่ สีสันจัดเต็มจะดูเพลินขนาดไหน ... คิดว่าถ้ามีโอกาสน่าจะลองมาอยู่ในขบวนบั้งไฟดูสักครั้ง น่าสนุก ٩(^ᴗ^)۶

บั้งไฟ
หุ่นรูปม้า
หุ่นรูปสัตว์ต่างๆ
ถ้ามาดูตอนที่อยู่บนรถขบวนแห่ คงประดับประดาสวยงาม
ดูเสร็จประมาณ 4 โมง ถึงจะจองที่พักเรียบร้อยแล้วแต่อยู่ตรงส่วนไหนของเมืองก็ยังต้องหา ไหนจะข้าวเย็นอีก รีบเข้ามหาสารคามก่อนมืดดีกว่า ... ส่วนเรื่องสิมเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน ...
ᕕ( ᐛ )ᕗ

12/05/2563

ลายแทงสิมอีสาน┊2┊วัดสนวนวารีพัฒนาราม

ฮูปแต้ม วัดสนวนวารีพัฒนาราม

เราเดินเล่นในวัดสระบัวแก้วจนเพลิน รู้ตัวอีกทีก็บ่ายโมงกว่าแล้ว ... หิว เลยตกลงกันว่า จะหาอะไรกินระหว่างทาง ... เป้าหมายต่อไปคือ วัดสนวนวารีพัฒนาราม อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น (เพื่อความสะดวก ขอเรียกแบบย่อ ๆ ว่า วัดสนวนวารีฯ นะครับ ^^")

ระหว่างทาง มีจุดที่น่าแวะ 2 ที่ ...

คืออำเภอพล เขา (Google) ว่ามีหม่ำเป็นของขึ้นชื่อ หลายคนคงเคยได้ยิน ‘หม่ำเมืองพล’ ตลอดแนวถนนมิตรภาพที่ผ่านตัวอำเภอ มีเพิงขายหม่ำเรียงรายเต็มไปหมด เรียกว่าเยอะจนเลือกไม่ถูก ... และผมก็เลือกไม่ถูกจริงๆ ความลังเลบวกกับความเชื่อฝังหัวที่ว่า “ร้านริมทางหลวงเขาไว้ขายนักท่องเที่ยว ไม่อร่อย ... ร้อก” ก็เลยข้ามไป

อีกที่คืออำเภอบ้านไผ่  หมูยอกับแหนมยี่ห้อ ‘บ้านไผ่’ ที่เคยกิน น่าจะพอรับประกันความอร่อยได้ เขา (Google อีกแล้ว) บอกว่ามีร้านอาหารอีสานกับร้านบะหมี่น่าสนใจหลายร้านในตัวเมือง แต่เป้าหมายของเราอยู่นอกเมือง ผมไม่อยากขับรถวนไปวนมา สุดท้ายก็มาลงเอยที่ร้านไก่ย่างแม่ผ่องศรี เขา (Google น่ะสิ จะใคร?) ให้คะแนนรีวิวกลางๆ รสชาติอาหารก็กลางๆ คือ บางอย่างอร่อยมาก บางอย่างก็ธรรมด้าธรรมดา แต่โดยรวมแล้วก็ดี ... ที่เลือกร้านนี้เพราะ พอกินเสร็จอิ่มหนำสำราญกันแล้ว ขับรถออกจากร้านนิดเดียวก็ถึงทางเข้าวัดเลย สะดวกดี

ในสายตาผม วัดสนวนวารีฯดูโอ่อ่ากว่าวัดสระบัวแก้วนิดหน่อย ลานวัดเทปูนกว้างขวาง จะใช้เป็นที่จอดรถบัสทัวร์จีนหรือจัดตลาดนัดก็ทำได้สบายๆ โบสถ์หลังใหม่ใหญ่โตสวยงาม ด้านหลังมีเจดีย์ทรงเดียวกับพระธาตุพนม แต่สิมเก่ากลับมีขนาดเล็กกระทัดรัดน่ารักดี

เพราะได้นายช่างใหญ่เป็นชาวญวน สิมวัดสนวนวารีฯก็เลยมีกลิ่นอายตะวันตกหน่อย ๆ (ยุคโคโลเนียลแบบเวียดนามผสมฝรั่งเศส) เห็นได้จาก ซุ้มประตูหน้าต่างโค้งและลวดลายเครือเถาที่ประดับอยู่ระหว่างซุ้ม  ผมเดาว่าหลังคาเดิมอาจมีตุ๊กตารูปสิงห์หรือมังกรประดับอยู่บนสันหลังคา เหมือนวัดหรือศาลเจ้าแบบเวียดนามก็ได้

ฮูปแต้มด้านนอกเขียนเรื่องสินไซ ลายเส้นดุเดือดสนุกสนานโดยเฉพาะฉากบู๊ ด้านในเขียนเรื่องพระเวสสันดร

สิมวัดสนวนวารีฯ
ทางขึ้นสิมมีพญานาคหน้าตาแปลกๆ คล้ายมังกร เฝ้าอยู่
ลายเครือเถาแบบฝรั่ง?
ด้านนอกสิม บนผนังด้านหลัง และที่ว่างเหนือซุ้มหน้าต่างเขียนเรื่องสินไซ (วัดนี้เรียก สินไชย)
ฉากรบดุเดือดมาก พวกยักษ์โดนตัดหัวขาดกระจุย
ไม่ใช่แค่ยักษ์ งูซวงเองก็โดนตัดหัวตัดตัวขาดเป็นท่อนๆ เหมือนกัน
พระประธานวัดนี้เป็นฝีมือช่างพื้นบ้าน สวยงาม
พระเวสสันดร กัณฑ์ชูชก
มักกะลีผล แบบโจ่งครึ่ม ^^"
รูปเหมือนช่างแต้ม

วัดนี้เจอเพื่อนร่วมอุดมการณ์ ... มีคนมาดูสิมเหมือนกัน เรามากันสาม เขามาอีกสาม สิมก็หลังเล็กนิดเดียว เลยต้องผลัดกัน ผลัดกันขึ้นผลัดกันลงสิม ผลัดกันไหว้พระ ผลัดกันถ่ายรูป ...

ถ้ามีใครดูอยู่ไกลๆ คงเห็นเหมือนเจ้าหกคนนี้กำลังแข่งเกมส์อะไรกันสักอย่าง อาจจะกำลังหา RC แข่งแรลลี่กันอยู่ก็ได้ เดินวนไปวนมา เลิกลั่ก ถ่ายรูปกันรัว ๆ ... คงตลกพิลิก

06/05/2563

ลายแทงสิมอีสาน┊1┊วัดสระบัวแก้ว

ฮูปแต้ม วัดสระบัวแก้ว

ผมเคยได้ยินนิทานพื้นบ้านที่เล่าเรื่องการผจญภัยสุดพิสดารของ สินไซ ... เคยเห็นรูปโบสถ์หลังเล็ก ๆ น่ารัก ที่ผนังเต็มไปด้วยภาพวาดสีสันสดใส สีคราม สีเขียวเทอร์ควอยซ์ สีเหลือง สีน้ำตาล ผสมผสานกันเป็นธีมสีเฉพาะตัว น่าสนใจ ... เห็นแล้วก็อยากสัมผัสให้มากขึ้น อยากเห็นของจริง อยากลองตระเวนไปตามสถานที่แปลกใหม่ เหมือนเล่นเกมส์ล่าสมบัติ ...

ปิดเทอมโอกาสเหมาะ (ช่วงเดือนตุลาปี 2562) เลยวางแผนตะลอนทัวร์ชมสิมเก่าและฮูปแต้ม ที่ขอนแก่นและมหาสารคาม กะไปให้ทั่ว แล้วกลับมาเขียนเป็นลายแทงให้ตามรอยกัน

ทริปนี้ผมกระดี๊กระด๊าเป็นพิเศษ ส่วนแม่ลิงกับลูกลิงนั้นเฉย ๆ แต่ก็ต้องเออ ออ ... ใช่สิ คราวที่แล้วพาขึ้นเขาไปแล้วนิ ผลัดกัน (๑˃̵ᴗ˂̵)و

ก่อนเดินทาง สำหรับคนที่ยังมึนๆ กับคำศัพท์บางคำ ก็ขออธิบายไว้ตรงนี้เลย คำแรก ‘สิม’ กร่อนเสียงมาจาก ‘สีมา’ หมายถึงพื้นที่ที่ใช้ทำสังฆกรรม ซึ่งก็คือโบสถ์หรืออุโบสถนั่นเอง ... อีกคำที่อาจจะงงคือ ‘ฮูปแต้ม’ มาจากคำว่า รูปแต้มหรือรูปเขียน เวลาเรียกในสำเนียงอีสานก็จะกลายเป็นฮูปแต้ม ซึ่งหมายถึงจิตรกรรมฝาผนัง ... ส่วนเรื่อง ‘สินไซ’ เป็นนิทานพื้นบ้านที่นิยมกันในประเทศลาวและภาคอีสานของไทย มักถ่ายทอดออกมาในรูปแบบ กลอนหมอลำ เทศน์แหล่และฮูปแต้ม

จากกรุงเทพฯถึงมหาสารคาม คิดว่าไม่ไกลไม่ต้องรีบ ช่วงเช้ามืดเลยมีเวลาดูแลแมว เทน้ำ เทอาหาร ตุนไว้ให้พอ 3-4 วัน ก่อนฝากบ้านไว้กับพวกมันแล้วออกเดินทาง 7 โมงเช้า ...

วันแรกผมแวะดูสิมที่ขอนแก่นก่อน มีที่น่าสนใจอยู่ 3 วัดใกล้ ๆ กัน ดูครบแล้วค่อยไปนอนในตัวเมืองมหาสารคาม รุ่งขึ้นขับรถวนเที่ยวรอบจังหวัด นอนค้างอีกคืน ส่วนวันที่ 3 ละไว้ให้เป็นวันฟรีสไตล์ (ถ้าเป็นบริษัททัวร์จะเรียกว่า พักผ่อนตามอัธยาศัย) จะหาที่เที่ยวแบบอื่น หรือจะกลับกรุงเทพฯเลย ก็ว่ากันไปแล้วแต่สถานการณ์

ขับรถมาเรื่อย ๆ เอื่อย ๆ เหล่รถสวยคันข้าง ๆ บ้าง เข้าปั้มแวะกินข้าวบ้าง ... ประมาณเที่ยงกว่า ๆ ก็มาถึงจุดหมายแรกของเรา วัดสระบัวแก้ว

วัดสระบัวแก้วเป็นวัดเล็ก ๆ ซ่อนตัวอยู่ท้ายหมู่บ้าน ชุมชนบ้านวังคูณ อำเภอหนองสองห้อง จังหวัดขอนแก่น และถือว่าซ่อนตัวได้เก่ง เพราะความรู้สึกแรกของผมเมื่อมาถึงคือ “ที่นี่เงียบดีจัง ... เงียบมาก ...” อาจเพราะตอนนี้เลยเพลไปแล้ว ชาวบ้านเอย พระเอย ต่างคนต่างแยกย้าย ... หรือเพราะผมเพิ่งมาจากที่ที่พลุกพล่านมากๆ อย่างกรุงเทพฯเลยยังไม่ชิน ก็ไม่รู้  แต่บรรยากาศแบบนี้ ถ้าหลงมาตอนกลางคืนเนี่ยะ บรื๊อออ ... ตัวใครตัวมัน (;;;*_*)

สิมอยู่ด้านหลัง ลึกจากศาลาการเปรียญเข้าไปหน่อย เลยสิมไปอีกนิดมีสระน้ำขนาดใหญ่ มีบัวหลวงเต็มสระ (ถ้ามาช่วงที่ดอกบัวบานเต็มสระน่าจะสวย) รูปทรงสิมถอดแบบมาจาก สิมวัดบ้านยาง อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม บ้านเดิมของพระครูวิบูลพัฒนานุยุติ (หลวงพ่อผุย) ผู้สร้าง ด้านในสิมมีฮูปแต้มเรื่องพุทธประวัติ กับสินไซ (บางตอน) ผนังด้านนอกเขียนเรื่อง พระลัก-พระลาม (ฉบับลาว) ที่ดำเนินเรื่องแปลกประหลาด (สำหรับผม) มีภาพนรก แทรกด้วยภาพวิถีชีวิตและภาพสัตว์ ... ผมคิดว่าอาจมีนิทานสั้น ๆ เล่าเป็นภาพชุดเล็ก ๆ ด้วยแต่ไม่รู้เป็นเรื่องอะไร ... ช่างแต้มฝีมือดี ใช้สีเก่ง

สิมวัดสระบัวแก้ว
ด้านหน้าสิม จังหวะการใช้สีในฮูปแต้มด้านนี้สวยมาก
สิงห์เฝ้าประตูตัวเมีย มีลูกน้อยด้วย น่ารักแบบหลอนๆ ดี
พระประธานในสิม
ผนังตรงข้ามพระประธานเขียนเรื่องสินไช
ด้านนอก รูปเขียนมีรายละเอียดเยอะกว่า ขบวนสัตว์ป่า มีชีวิตชีวามาก
สระบัวหลังวัด
ตุงขิด ผู้เชี่ยวชาญเรื่องผ้าบอกว่าน่าจะเป็นของเก่า
แค่วัดแรกก็ตื่นตาตื่นใจแล้ว ...
ที่วัดสระบัวแก้ว ผมมองเห็นความพยายามที่จะอนุรักษ์สมบัติชิ้นงามของท้องถิ่น  มองเห็นความพยายามเพิ่มมูลค่าด้วยการท่องเที่ยว  ยังอยากเห็นเด็ก ๆ ชาวบ้านวังคูณเที่ยวมาโม้ว่า “น้า ๆ ที่หมู่บ้านผมมีหนังสือนิทานเล่มใหญ่เท่าบ้าน แหนะ” ... และที่อยากเห็นที่สุดตอนนี้ คือ ข้าวเหนียว ส้มตำ ลาบ น้ำตก ... ไก่ย่าง! ใช่ ๆ มาขอนแก่นต้องกินไก่ย่างใช่มั้ย? ... นี่ก็เลยบ่ายแล้ว ไปหาอะไรกินดีกว่า  ♨ ('~`;) ♨