25/04/2560

มอม ที่หลวงพระบาง

มอมที่หลวงพระบาง วัดเชียงทอง มอมที่หลวงพระบาง วัดอาราม มอมที่หลวงพระบาง วัดเชียงแมน มอมที่หลวงพระบาง วัดสิริมงคลไชยราม มอมที่หลวงพระบาง วัดแสนสุขาราม มอมที่หลวงพระบาง วัดป่าแค

เพราะตอนเด็ก ๆ เคยถูกหมาจรไล่กวดโดยไม่มีความผิดอะไรเลย หลายต่อหลายครั้ง ... ผมเลยตั้งปณิธานไว้ว่า ถ้าเกิดโลกนี้เกิดมีสงครามสัตว์โลกระหว่างหมากับแมว หรือหมากับตัวอะไรก็ตาม ผมยินดีที่จะอยู่คนละฝั่งกับพวกมัน

แต่ถึงจะไม่ถูกชะตา ไม่กินเส้นกันชนาดนั้น ในชีวิตนี้ผมก็ยังอุส่าห์คุ้นเคยกับหมาชื่อ "มอม" ถึงสองตัว

มอม (๑)

เป็นหมาพันธุ์ทาง เหม็น ๆ ซน ๆ สีดำ รู้จักกันสมัยผมอยู่ประถม มาอยู่ที่บ้านได้อย่างไรใครเอามาก็จำไม่ได้ จำได้วีรกรรมของมัน ... ตั้งแต่เสียงโหยหวนน่ารำคาญของลูกหมาหย่านม, รูหมาลอดที่ประตูมุ้งลวด, รองเท้าหน้งขาดวิ่น, คราบฉี่, รอยอึ ฯลฯ มันซนจนกระทั่งวิ่งออกไปโดนรถทับขาหักหน้าบ้าน และเป็นผมเองที่เป็นคนพามันไปเข้าเฝือก และคอยดูแลพยาบาล (แบบเด็ก ๆ ) ประสบการณ์เฉียดตายไม่ได้ช่วยให้มันสงบลงเลย พอผ่าเฝือก เจ้ามอม (๑) อยู่กับเราอีกสักพัก ... แล้วก็หายไป ไม่รู้ว่าหนีออกจากบ้าน หรือโดนรถชน ... หรือทั้งสองอย่าง ก็ไม่รู้

มอม (๒)

ก็พันธุ์ทางเหมือนกัน (จริง ๆ หมาที่ผมรู้จักก็พันธุ์ทางทั้งนั้นแหละ) สีน้ำตาล เป็นหมาของที่บ้านแฟนผม รู้จักกันตามคำพังเพย "Love me love my dog" ตั้งแต่มันยังเป็นลูกหมาตัวเล็ก ๆ จนโตเป็นหมาตอนตัวกลม ๆ ส่วนผมจากแฟนก็แต่งงานมีลูก มันก็ยังเล่นกับลูกสาวผม  เจ้ามอม (๒) นี่ค่อนข้างเรียบร้อย สุขุม ไม่โวยวาย แต่ไม่ชอบให้ใครมาบังคับ ถ้าใครแกล้งหรือหยอกอะไรไม่เข้าท่า ไม่ถูกใจ ก็อาจโดนมันงับเอาง่าย ๆ ... (คนในบ้านเคยโดนแล้วทั้งนั้น) ซึ่งผมไม่เคยโดนเลยสักครั้ง และที่น่าภูมิใจเข้าไปอีกคือ ผมเป็นคนแปลกหน้า (นาน ๆ มาที) เพียงคนเดียวที่ลูบหัวมันแล้วไม่มีปัญหา ...

คิดว่าด้วยนิสัยเรียบ ๆ ของมันนี่แหละ ทำให้เจ้ามอม (๒) อยู่กับเรานาน ... จน ขนหงอก, ตาฟาง และจากไปอย่างสงบ ... อยู่จำได้ว่าตอนได้รับข่าวว่ามันตายแล้ว ลูกสาวผมถึงกับน้ำตาร่วง

ไม่รู้ว่า "มอม" ที่เป็นชื่อเรียกหมา กับ "มอม" สัตว์ประหลาดครึ่งหมาครึ่งสิงห์ ที่เฝ้าหน้าโบสถ์หน้าวัด มีที่มาเดียวกันรึปล่าว ... อาจจะไม่ แต่บรรดามอม มอม มอม ที่ผมเจอที่หลวงพระบางนี่ ทำให้ผมคิดถึงเจ้ามอมทั้งสองตัวนั่นจัง

ของแถมอีกเช่นเคย เป็นรูป sketch ฝีมือมะนาว ครับ

21/02/2560

เดินตลาด ดูปลา ... ดูมันทั้งเช้าทั้งเย็น

ถ้าใครเคยไปจังหวัดอุทัยธานี เคยเข้าไปเดินเล่น หาของกิน ที่ตลาดเช้าริมแม่น้ำสะแกกรัง ก็คงหลงเสน่ห์ที่เรียบง่ายและเต็มไปด้วยชีวิตชีวาของที่นี่ได้ไม่ยาก ... เหมือนผม

ตลาดนี้นอกจากจะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหารการกินนานาชนิด ในบรรยากาศสบาย ๆ เป็นกันเองบวกกับวิวสวย ๆ ของเรือนแพและวัดอุโบสถารามฝั่งตรงกันข้ามแล้ว ... สิ่งที่ผมคิดว่าโดดเด่นที่สุด คือ ปลาแม่น้ำครับ มีขายกันเต็มตลาดมากมายทั้งปริมาณและชนิด

ที่นี่มีตั้งแต่ ปลาเลี้ยงที่หาดูหากินกันง่าย ๆ อย่าง ปลานิล, ปลาดุก, ปลาช่อน, ปลาแรด, สวาย ... ไปจนถึงของหายาก ๆ อย่าง เทโพ, ปลาเค้า, กา ที่แปลกที่สุดที่ผมเจอ คือ ปลาหว้าหน้านอ

ถ้าใครอยากรู้ว่า ปลาหว้าหน้านอ หน้าตายังไง เข้าไปดูได้ที่ วิกิพีเดีย นะครับ เพราะผมไม่ได้ถ่ายรูปมา
เดินกินหมูปิ้งไปดูปลาดูของไป หรือเดินเหนื่อยแล้ว จะสั่งกาแฟโบราณอุ่น ๆ หอม ๆ มานั่งกินกับขนมครกที่ริมน้ำ สำหรับคนชอบตลาด, ชอบปลา, ชอบกิน อย่างผมก็ถือว่าฟินแล้วครับ

ที่ชอบที่สุดคือที่นี่ไม่ได้มีแค่ตลาดเข้า  ตอนเย็นก็มีตลาดด้วย (เช้าปิดถนนล็อกนึง ตอนเย็นอีกล็อกนึง) เดินได้ทั้งเช้าทั้งเย็น ผมหละอิจฉาคนอุทัยฯจริง ๆ

วัดอุโบสถาราม (วัดโบสถ์)
ฝั่งตลาด / ตัวตลาดอยู่บริเวณตึกแถวสีม่วง
* รูปปลาทั้งหมด วาดจากรูปที่ผมถ่ายไว้ในมือถือ
** ลานสะแกกรัง ยังมีของดีซ่อนไว้อีกเยอะ เช่น โรงหนังเก่าสมัยจอมพล ป., วัดโบราณที่เหลือแต่โบสถ์ซ่อนตัวอยู่กลางตลาด, แม่ค้าแซ่บ ๆ ฯลฯ ... ผมไม่เอามาให้ดูหรอกครับ ฝากหากันเอาเอง อิอิ